การเทรดในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโต ล้วนต้องการวินัยทางจิตใจมากพอ ๆ กับความรู้ด้านเทคนิค เพราะอารมณ์เป็นศัตรูตัวฉกาจของนักเทรด หากควบคุมไม่ได้ คุณอาจตัดสินใจด้วยความกลัวหรือความโลภแทนที่จะใช้เหตุผล ซึ่งมักนำไปสู่การขาดทุนมากกว่ากำไร
1. รู้จักตัวเองและอารมณ์ของคุณ
ก่อนเริ่มเทรด คุณควรถามตัวเองว่าเป็นคนใจร้อนหรือชอบเสี่ยงเกินไปหรือไม่ การรู้จักบุคลิกของตัวเองจะช่วยให้คุณควบคุมการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น เพราะนักเทรดที่ใจเย็น มีวินัย และสามารถแยกอารมณ์ออกจากข้อมูล จะรับมือกับความผันผวนในตลาดได้ดีกว่าผู้ที่ปล่อยให้อารมณ์นำการลงทุน
ในตลาดคริปโตที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวน บทความเหรียญน่าลงทุน โดยภาคภูมิ เกิดปราบ ได้กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดที่เริ่มฟื้นตัว พร้อมแนะนำเหรียญที่น่าสนใจในช่วงนี้ ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นในบทความคือการวิเคราะห์เชิงข้อมูลและใช้แนวทางแบบวิทยาศาสตร์ (data-driven & scientific approach) ในการประเมินมูลค่าและศักยภาพของเหรียญต่าง ๆ วิธีคิดแบบนี้สะท้อนหลักสำคัญของการลงทุนระยะยาว นั่นคือการใช้ “เหตุผลและข้อมูลจริง” มากกว่าอารมณ์หรือข่าวลือ
การเทรดอย่างมีสติและใช้ข้อมูลเป็นหลัก จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น ไม่ตื่นตระหนกเมื่อราคาผันผวน และไม่ตกเป็นเหยื่อของความโลภในช่วงที่ตลาดพุ่งแรง ดังนั้น ก่อนจะเริ่มเทรดทุกครั้ง ให้กลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า คุณกำลังตัดสินใจด้วยข้อมูล หรือด้วยอารมณ์ เพราะความต่างเล็ก ๆ ตรงนี้ อาจเป็นสิ่งที่กำหนดได้เลยว่า คุณจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ในตลาดที่ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวอย่างคริปโต
2. สร้างและยึดมั่นในแผนการเทรด
แผนการเทรดคือเข็มทิศที่ช่วยให้คุณไม่หลงทางในตลาดที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความผันผวน ดังนั้นแล้วควรกำหนดเป้าหมาย เงินทุนที่ใช้ได้ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเวลาที่คุณพร้อมจะทุ่มเท ตัวอย่างเช่น การตั้งกฎไม่เทรดเกิน 2% ของพอร์ตต่อดีล จะช่วยลดความเสียหายจากการตัดสินใจผิดพลาดได้
การมีแผนจะช่วยให้คุณยึดหลักวินัย ไม่เทรดตามอารมณ์หรือข่าวร้อนโดยไม่มีข้อมูลรองรับ นอกจากนี้ ควรบันทึกความคิดและผลลัพธ์แต่ละดีลเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับบุคลิกของตนเอง เพราะนักเทรดที่ดีไม่ใช่คนที่ชนะทุกครั้ง แต่คือคนที่มีระบบและรู้ว่าทำไมตนเองถึงตัดสินใจแบบนั้น
3. ฝึกความอดทน
ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญของนักเทรดมืออาชีพ เพราะตลาดไม่เคยเคลื่อนไหวตามที่เราคาดเสมอไป การรีบเข้าเทรดโดยไม่รอจังหวะที่เหมาะสม อาจทำให้เสียโอกาสหรือขาดทุนโดยไม่จำเป็น การรอจนสัญญาณชัดเจนจึงดีกว่าการวิ่งตามอารมณ์
ในทางกลับกัน การถือครองสินทรัพย์นานเกินไปเพราะเสียดายก็เป็นการเทรดด้วยอารมณ์เช่นกัน คุณควรรู้จักจุดที่ควรออกตามแผน ไม่ใช่ตามความรู้สึก ความอดทนจึงไม่ใช่แค่การรอ แต่คือการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เร่งรีบหรือยึดติดกับสิ่งที่ควรปล่อยไป
4. ปรับตัวตามสถานการณ์
ตลาดการเงินไม่มีสูตรตายตัว แต่ละวันมีปัจจัยใหม่เข้ามาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเศรษฐกิจ การเมือง หรือเทคโนโลยี การปรับตัวคือทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดได้ในระยะยาว เพราะนักเทรดที่ยืดหยุ่นมักเข้าใจสภาวะตลาดและพร้อมปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์
หากตลาดเกิดความผันผวนสูงกว่าปกติ การหยุดพักชั่วคราวอาจเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดกว่าการฝืนเทรดโดยไม่เข้าใจภาพรวม การประเมินข้อมูลอย่างเป็นกลางและไม่ติดอคติช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจของการเทรดอย่างมีเหตุผล
5. เว้นช่วงหลังจากขาดทุน
เมื่อเผชิญกับการขาดทุน หลายคนพยายามเทรดต่อทันทีเพื่อเอาคืน แต่นั่นคือช่วงเวลาที่อารมณ์กำลังครอบงำมากที่สุด การหยุดพักเพื่อทบทวนความผิดพลาดและตั้งสติจึงสำคัญกว่าการรีบแก้เกม การรู้จักยอมรับความสูญเสียชั่วคราวคือก้าวแรกของการเติบโตทางจิตใจในฐานะนักเทรด
ใช้เวลานี้ในการวิเคราะห์ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ดีลนั้นล้มเหลว อารมณ์มีส่วนมากแค่ไหน แล้วบันทึกไว้ในสมุดเทรดเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม การเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ด้วยใจเย็นจะช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว แ




